-
ความหมายของ”การให้”
Posted on June 7th, 2009 No commentsหัวข้อ : ความหมายของ “การให้”
ข้อความ : จดหมายที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้เขียน เมื่อท่านได้อ่านจบแล้ว โปรดอนุเคราะห์ส่งให้แก่ผู้อื่นได้อ่านต่อๆไปด้วย ท่านจะได้รับความสุขจากการกระทำเช่นนี้แน่นอน เพื่อนที่รักทั้งหลาย โปรดใช้เวลาอ่านจดหมายฉบับนี้อย่างตั้งใจ เพราะมันจะเป็นประโยชน์แก่ตัวท่านเอง สาระของจดหมายสั้นๆ ฉบับนี้ เป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆมีชาย 2 คน ทั้งคู่เป็นคนไข้ในโรงพยาบาลเดียวกัน อยู่ในห้องพักคนไข้รวม 2 เตียงในห้องเดียวกัน ทั้งคู่ต่างมีอาการเจ็บป่วยที่สาหัสพอๆ กัน
คนหนึ่งเป็นโรคปอดบวมขั้นสุดท้าย หมอแนะนำให้เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียงวันละ 1 ชั่วโมงในช่วงบ่ายทุกวัน เพื่อช่วยให้การละลายเสมหะจากปอดไหลลื่นได้ดีขึ้น เตียงคนไข้ปอดบวมตั้งอยู่ริมหน้าต่าง -
สัจธรรมแห่งชีวิต – ความพลัดพราก
Posted on June 7th, 2009 No commentsเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา นั่งทำงานอยู่ ได้ยินประโยค 2-3 ประโยคจากรายการทีวี และดิดว่ามันเป็นสัจธรรมที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ และน่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่น เคยจำมาเล่าสู่กันฟัง เขาว่า
“คนเราเกิดมา ก็เพื่อที่จะตาย”
“คนเราพบกัน ก็เพื่อที่จะจาก”
“คนเรามีทรัพย์สมบัติ ก็เพื่อที่จะสูญเสียมัน”ถ้าคิดได้แล้ว ชีวิตเราก็มีแค่นี้ เราก็ควรหมั่นทำความดี เชิดชูคนด้วยความดี ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง ไม่ควรละโมบ
แหล่งข้อมูล: รายการโทรทัศน์ จำไม่ได้จริงๆครับว่าช่องไหน เพราะฟังตอนทำงานอยู่
ผู้สนับสนุน: เพียวคาร์เร้นท์ โรงแรมเพียวแมนชั่น เพียววิลล่า -
นัยอันล้ำลึกของคำว่า “ขอบคุณ” โดยท่าน ว วชิรเมธี
Posted on May 26th, 2009 No commentsขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้
ขอบคุณความยากจน ที่ทำให้เป็นคนมุมานะ
ขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญขอบคุณความผิดพลาด ที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม
ขอบคุณความริษยา ที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่
ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์
ขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่
ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า ที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพขอบคุณมหกรรมคอรัปชั่น ที่ทำให้เราอยากสร้างสรรค์การเมืองใหม่
ขอบคุณความป่วยไข้ ที่ทำให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพ
ขอบคุณความทุกข์ที่ ทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหนขอบคุณความพลัดพราก ที่ทำให้เราสละจากความยึดมั่น ถือมั่น
ขอบคุณเพลิงกิเลส ที่ทำให้เรามีเหตุอยากถึงพระนิพพาน
ขอบคุณความตาย ที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบเจริญพร
ว วชิรเมธีแหล่งข้อมูล: Forword Mail
ผู้สนับสนุน: เพียวคาร์เร้นท์ โรงแรมเพียวแมนชั่น เพียววิลล่า -
แก้วคว่ำ โดยท่าน ว วชิรเมธี
Posted on May 26th, 2009 No commentsแก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝน
ต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน
ก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำคนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้
ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนทั้งวัน
ก็ยังโง่เท่าเดิม
ว วชิรเมธีแหล่งข้อมูล: Forword Mail
ผู้สนับสนุน: เพียวคาร์เร้นท์ โรงแรมเพียวแมนชั่น เพียววิลล่า -
คิดนอกกรอบ, พิจารณาตัวแปรทั้งหมด
Posted on May 26th, 2009 No commentsตัวอย่างที่น่าสนใจของการ “คิดนอกกรอบ”
โจทย์ข้อหนึ่งในข้อสอบวิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนมีดังนึ้
“จงอธิบายว่าท่านจะใช้บารอมิเตอร์วัดความสูงของตึกระฟ้าได้อย่างไร”รู้จักกันนะครับ ว่าบาร์รอมิเตอร์นี่ก็คือเครื่องมือวัดความกดอากาศนั่นเอง
(อธิบายเพิ่มเติมก็คงต้องบอกว่า อากาศนั้นมันมีน้ำหนักหรือมีแรงกดนั่น และแรงกดของอากาศนั้นเมื่ออยู่ในระดับความสูงที่เปลี่ยนไป ความกดอากาศก็เปลี่ยนไปด้วย)นักศึกษาคนหนึ่งเขียนคำตอบลงไปว่า
“เอาเชือกยาวๆ ผูกกับบารอมิเตอร์แล้วหย่อนลงมาจากยอดตึก แล้วก็เอาความยาวเชือก บวกความสูงบารอมิเตอร์ก็จะได้ความสูงของตึก”ฟังดูเป็นอย่างไรครับคำตอบนี้ ผมฟังครั้งแรกผมยังอมยิ้มเลยครับ
แต่อาจารย์ที่ตรวจข้อสอบไม่นึกขันอย่างผมด้วย
อาจารย์ตัดสินให้นักศึกษาคนนั้นสอบตก -
ถ้าคุณแน่ อย่าแพ้เด็กอนุบาล
Posted on May 24th, 2009 No commentsA PRE-SCHOOL TEST FOR YOU
ข้อสอบเด็กอนุบาลWhich way is the bus below travelling?
คุณคิดว่ารถกำลังไปทางไหนTo the left or to the right?
ไปทางซ้ายหรือทางขวาCan’t make up your mind?
ตอบไม่ได้ใช่ใหมLook carefully at the picture again.
ลองดูรูปให้ดีอีกครั้งสิStill don’t know?
ก็ยังไม่รู้ใช่ใหม -
ลาโง่ / ไม่ลา…สิโง่
Posted on May 24th, 2009 No commentsลาโง่ตัวหนึ่งกินหญ้าอยู่ที่ชายป่า ได้ยินเสียงจิ้งหรีดร้องเพลงเพราะ
ลาอยากร้องเพลงเพราะอย่างจิ้งหรีดบ้าง
จึงถามจิ้งหรีดว่ากินอะไร จึงร้องเพลงเพราะ ?
จิ้งหรีดตอบว่ากินน้ำค้าง เสียงจึงเพราะ
ลาจึงเลิกกินหญ้าและกินแต่น้ำค้าง ไม่ช้า ลาโง่นั้นก็ตาย
เพราะลาเป็นสัตว์กินหญ้า เมื่อเลิกกินหญ้า ไม่ช้าก็ตาย
………..พนักงานของบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่งทำงานด้านเอกสารมาห้าปี
มีความใฝ่ฝันที่อยากจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นพนักงานระดับหัวหน้างานหรือเป็นมัคคุเทศก์
ด้วยความที่ได้รับการอบรมมาว่าคนเราต้องขยัน อดทน ตั้งใจทำงาน ไม่ลางานเลยได้ยิ่งดี ก็จะได้ดีในหน้าที่การงาน
ตั้งแต่เริ่มทำงานวันแรก พนักงานคนนั้นก็ตั้งใจทำงานมาตลอดห้าปี
ไม่เคยลากิจ ลาป่วย หรือลาพักร้อนแม้แต่วันเดียว -
จากสาวสวยคนนึง เขียนถึงผู้ชายในเน็ท
Posted on May 24th, 2009 No commentsจากสาวสวยคนนึง เขียนถึงผู้ชายในเน็ท
ก่อนอื่นดิฉันขอสาบานว่าสิ่งที่ดิฉันพูดเป็นความจริงค่ะ ดิฉันอายุ 25 ปีค่ะ ความสูง 170 ซม. น้ำหนัก 50 กิโล ส่วนสัด 34-24-36 ผมยาว หน้าตาจัดว่าสวยมาก เซ็กซี่ มีรสนิยม ดิฉันอยากจะแต่งงานกับผู้ชายรายได้สักสองแสนบาทอัพต่อเดือนสักคน คุณอย่าเพิ่งมองฉันโลภนะคะ รายได้ประมาณสองแสนเนี้ยแค่ชนชั้นระดับกลางๆในห้องสินธรหรือวงการตลาดหุ้นเอง ฉันไม่ได้เรียกร้องมากไปใช่ไหมคะ มีใครในพันทิพ ห้องสินธร นี้ที่รายได้เกินสองแสนบ้างคะ พวกคุณแต่งงานไปกันหมดหรือยัง กรุณาช่วยตอบดิฉันทีค่ะ คือดิฉันอยากแต่งงานกับคนรวยๆ อย่างพวกคุณ พวกที่ดิฉันคบด้วยนี่มีแต่พวกธรรมดาๆรายได้อย่างมากไม่เกินสามหมื่นเอง รายได้แค่นี้จะอุตริไปซื้อบ้านแถวสีลมเนี่ย ยังได้แค่มองเลยใช่ไหมคะ ดิฉันมีคำถามดังนี้ค่ะ กรุณาช่วยตอบด้วยนะคะ
1. หลังจากตลาดหุ้นปิด พวกคุณมักไปต่อที่ไหนกันคะ ( ชื่อร้าน , ผับ , fitness, ฯลฯ)
2. ถ้าจะแอบมองสาว คุณจะมองสาววัยไหนคะ
3. ทำไมคนที่แต่งงานกับคนรวยๆถึงมีแต่พวกอาซิ่มเฉิ่มๆ รสนิยมห่วยๆล่ะคะ
4. คุณใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการเลือกคนที่คุณจะแต่งงานด้วยคะ -
เริ่มจากสิ่งเล็กๆ..พี่สาวกับน้องชาย
Posted on May 12th, 2009 No commentsฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน แต่ละวัน พ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆของฉันมีกัน …
จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน
“ใครขโมยเงินไป” พ่อตวาดฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า
“ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ”พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้ แล้วพูดว่า
“ผมขโมยเองครับ” -
เดินไปตาม..ความฝัน กับมอนตี้
Posted on May 11th, 2009 No commentsเล่าถึงเด็กชายอายุ 16 ปี คนหนึ่ง ชื่อว่า มอนตี้ ซึ่งคุณครูสั่งให้เขียนเรียงความเรื่อง “โตขึ้นอยากเป็นอะไร”
มอนตี้ก็เขียนบรรยายไป 7 หน้ากระดาษ ถึงความฝันของเขาที่จะเป็นเจ้าของคอกม้า พร้อมด้วยบ้านพื้นที่ 4,000 ตารางฟุต บนเนื้อที่ 200 เอเคอร์ เขาบรรยายพร้อมกับวาดแผนผังแสดงรายละเอียดไว้ทุก ๆ ส่วน แต่เมื่อเขานำไปส่งกลับได้คะแนน F และเรียกให้ไปพบหลังเลิกเรียน หลังเลิกเรียน
มอนตี้ ก็เข้าไปพบคุณครู และถามว่าทำไมเรียงความของเขาจึงได้ F ก็ได้รับคำตอบว่า สิ่งที่เขาเขียนนั้นมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะมันต้องใช้เงินมากมายเกินกว่าฐานะของครอบครัวของมอนตี้ จะสามารถทำได้ แม้ว่ามอนตี้จะชี้แจงให้ฟังว่ามันเป็นแค่ความฝันของเขา แต่คุณครูไม่รับฟังและขอให้มอนตี้ไปเขียนเรียงความมาใหม่ โดยขอให้เขียนถึงเรื่องที่มันพอจะเป็นไปได้บ้างแล้วจะแก้คะแนนให้
มอนตี้ก็กลับบ้านและนำปัญหานี้ไปปรึกษากับพ่อของเขา ซึ่งพ่อของเขาก็ให้คำตอบว่า “เรื่องนี้พ่อคงช่วยอะไรลูกไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกเอง แต่พ่อมีความรู้สึกบางอย่างว่า การตัดสินใจของลูกครั้งนี้ จะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่ออนาคตของลูกอย่างแน่นอน”
มอนตี้ ใคร่ครวญกับเรื่องนี้อยู่เป็นสัปดาห์ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ เขานำเรียงความเรื่องเดิมไปส่งคุณครูพร้อมกับพูดว่า “ให้คะแนน F กับผมก็แล้วกัน ผมจะรักษาความฝันของผมไว้”
มอนตี้เล่าเรื่องนี้ให้กับผู้มาเยือนเขาฟังพร้อมกล่าวว่า “ที่ผมเล่าเรื่องนี้ให้พวกคุณฟัง เพราะว่าขณะนี้คุณกำลังนั่งอยู่หน้าเตาพิงในบ้าน พื้นที่ 4,000 ตารางฟุต ซึ่งตั้งอยู่กลางคอกม้าเนื้อที่ 200 เอเคอร์ และเรียงความ 7 หน้ากระดาษนั้นได้ใส่กรอบเรียงอยู่เหนือเตาพิง” และเขาได้เล่าต่อว่า “ที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ ในฤดูร้อนเมื่อสองปีที่แล้ว คุณครูคนเดิมพาเด็กนักเรียน 30 คน มาพักค้างแรมที่นี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจากไปท่านพูดกับผมว่า มอนตี้ สมัยครูเป็นครูของเธอ ครูคงเป็นนักขโมยความฝัน ครูเสียใจนะที่ครูได้ขโมยความฝันของเด็ก ๆ ไปตั้งมากมาย แต่ครูก็ดีใจที่เธอไม่ยอมให้ครูขโมยความฝันของเธอ”
“เดินไปตามความฝันของคุณอย่ายอมให้ใครขโมยมันไปได้”
เรียบเรียงจากบทความเรื่อง “follow your dreams”แหล่งข้อมูล: Forword Mail
ผู้สนับสนุน: เพียวคาร์เร้นท์ โรงแรมเพียวแมนชั่น เพียววิลล่า