-
ความรักของหญิงตาบอด
Posted on November 30th, 2009 No commentsมีผู้หญิงคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุ
ทำให้ต้องตาบอดทั้งสองข้าง
และเธอก็ทุกข์ทรมานกับการสูญเสียการมองเห็นแต่สามีเธอก็พยายาม ปลอบใจ และให้กำลังใจเธอตลอด
พยายามสอนให้เธอใช้ประสาทสัมผัสให้มากขึ้นที่ทำงานของเธอกับสามีอยู่คนละทาง
แต่เขาก็ขับรถไปส่ง และไปรับอยู่เสมอจนวันหนึ่งสามีเธอรู้สึกเหน็ดเหนื่อยมาก
เขาจึงพูดกับเธอว่าให้เธอลองพยายามขึ้นรถเมล์ไปทำงานเอง
โดยที่เขาไม่ต้องไปรับไปส่งได้ใหม
นาทีนั้น เธอรู้สึกเหมือนโดดเดี่ยว และน้อยใจสามีเธอ
แต่เธอก็พยายามทำตามที่เขาขอ
เธอพยายามขึ้นรถเมล์เอง พยายามไปทำงานด้วยตัวเอง -
หนึ่งปีที่ไม่เท่ากัน
Posted on November 6th, 2009 No commentsหนึ่งปีที่ไม่เท่ากัน
รายงานโดย : หนูดี – วนิษา เรซ: วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552เวลาหนึ่งปีมีค่าไม่เท่ากันสำหรับคนสองคน ไม่เท่ากันสำหรับคนสามคน และไม่เท่ากันสำหรับคนสิบคน แม้เวลาในปฏิทินจะเท่ากันก็ตาม
ตอนอายุสิบแปด หนูดีเคยได้รับสิทธิพิเศษที่เด็กไทยน้อยคนจะได้รับในวันที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษา แต่เด็กอเมริกันหรืออังกฤษได้ รับกันเป็นเรื่องธรรมดา นั่นคือ คำอนุญาตให้เดินทางท่องเที่ยวหรือเรียนอะไรก็ได้เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม โดยยังไม่ต้องตรงดิ่งเข้ามหาวิทยาลัยในทันทีเหมือนเพื่อนๆ ที่จบพร้อมกัน
แนวคิดนี้เด็กฝรั่งเรียกกันว่า “Gap Year” หรือ “หนึ่งปีระหว่าง” ที่พวกเขามักออกเดินทางท่องโลก หรือไปลองทำงานในสาขาที่กำลังคิดจะเรียนต่อด้านนั้น หรือไปทำงานอาสาสมัครในประเทศโลกที่สาม โดยเด็กๆ และพ่อแม่หวังว่า ภายในเวลาหนึ่งปีที่ไม่ต้องถูกจำกัดด้วยระบบการศึกษา พวกเขาจะรู้จักตัวเองมากขึ้น รู้จักโลกมากขึ้น และกลับมาตัดสินใจเลือกเรียนได้ในสาขาที่เหมาะกับตัวเองที่สุด
-
วิธีคิดแบบคนอินเดีย เขียนโดย V. Raghunathan
Posted on October 25th, 2009 No commentsวิธีคิดแบบคนอินเดีย เขียนโดย V. Raghunathan นักวิชาการ ผู้บริหารบริษัทและเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยทั้งในอินเดียและในต่างประเทศ
ดช.ปัญญาเป็นเด็กที่เกิดในเมืองแต่ย้ายไปอยู่ในชนบท วันหนึ่งไปซื้อแพะจากชาวนาในราคา 1000 บาทซึ่งชาวนายินดีที่จะส่งมอบแพะในวันรุ่งขึ้น
พอวันรุ่งขึ้น ชาวนาก็ไปหา ดช.ปัญญาแล้วบอกว่า “ข่าวร้ายหนูเพราะแพะเพิ่งตายไปเมื่อคืนที่แล้วเอง”
ดช.ปัญญา ก็บอกว่า “ไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นคืนเงินให้ผมก็แล้วกัน”
“โอ เสียใจด้วยจริงๆ แต่ฉันใช้เงินนั่นหมดไปแล้ว” ชาวนาพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“ไม่เป็นไร ถ้างั้นเอาแพะตัวนั้นมาให้ฉัน”
“หนูจะเอาแพะตายไปทำอะไร” ชาวนาถามด้วยความฉงน
-
เดินจังหวะลูก
Posted on October 8th, 2009 No commentsรายงานโดย :ธนา เธียรอัจฉริยะ
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น:
วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552ผมมีลูกสาวตัวเล็กๆ น่ารักสองคน คนโตชื่อ โมเนต์ อายุห้าขวบกว่าๆ คนเล็กชื่อเมนิ อายุสี่ขวบ กำลังอยู่ในวัยอ้อนพ่ออ้อนแม่ ไม่รู้ว่าใครติดใครกันแน่ รู้แต่ว่าผมต้องพยายามกลับบ้านให้ทัน ก่อนสองสาวนอนหลับเกือบทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็ตัวติดกันตลอด
คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็มักจะนึกถึงแต่ว่าจะสอนลูกให้เป็นคนยังไง ให้มีน้ำใจ ไหว้สวย ไม่งอแง นึกอะไรออกก็พยายามสอน ก็ไม่ค่อยได้นึกว่าจะเรียนรู้อะไรจากลูกได้ เพราะลูกยังเด็กยังเล็กอยู่ แต่ด้วยความที่อยู่ด้วยกันตลอด มีบ่อยครั้งที่ลูกผมพูดหรือแสดงท่าทีอะไรที่ทำให้ผมต้องหยุดคิด และทบทวนตัวเองเป็นประจำ
-
สักวันหนึ่ง..
Posted on September 20th, 2009 No commentsบทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย.. ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ อยากให้ทุกคนได้อ่าน ข้อความนี้ มีความหมายดีนะ
ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้น แต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น………..เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้วจงแสวงหา การหยั่งรู้
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก…
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….
กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป
ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย
น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลงแหล่งข้อมูล: Forword Mail
ผู้สนับสนุน: เพียวคาร์เร้นท์ โรงแรมเพียวแมนชั่น เพียววิลล่า -
จงเชื่อมั่นในตนเอง กับ กบฟุ้งซ่าน
Posted on June 13th, 2009 No commentsกบ ฟุ้งซ่านตัวหนึ่งนั่งอยู่ข้างกำแพงวัด ทุกเช้ามันเฝ้าดูพระออกเดินบิณฑบาตตั้งแต่เช้ามืด พอพระกลับมาถึงวัดเพื่อฉันเช้า… กบมันนึกในใจ อยากเกิดเป็น “พระ” เป็น พระสบายดี มีคนถวายอาหารให้กินทุกวัน ..
เมื่อพระฉันเสร็จ ก็นำอาหารที่เหลือมากมายนั้นไปให้เด็กวัดกินต่อ แล้วเด็กวัดก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย .. ตอนนี้ กบเปลี่ยนใจ อยากเกิดเป็น “เด็กวัด” แล้วเพราะสบายกว่าพระ มันเห็นเด็กวัดหลายคนตื่นสายได้และไม่ต้องออกตามพระไปบิณฑบาตก็ได้ สบายกว่าเยอะเลย…
เมื่อเด็กวัดกินเสร็จ ก็โกยเศษอาหารที่เหลือทั้งหมดให้หมาวัดไปกิน แล้วเด็กวัดทุกคนก็ไปช่วยกันล้างจาน… ถึงตอนนี้ กบเปลี่ยนใจ อยากเกิดเป็น “หมาวัด” แล้ว เพราะไม่ต้องล้างจานเหมือนเด็กวัด สบายกว่า …
พอหมาวัดกินอาหารเสร็จ ก็แยกย้ายไปทำหน้าที่เฝ้าบริเวณวัด คอยเห่าคนแปลกหน้า ฝูงแมลงวันก็บินมาตอม และกินเศษอาหารต่อจากหมาวัด ถึงตอนนี้ กบเปลี่ยนใจอยากเกิดเป็น “แมลงวัน” เพราะสบายที่สุด…. ไม่ต้องทำอะไรเลย หนำซ้ำยังมีกองอาหารให้กินไม่มีหมดด้วย…
ขณะที่เจ้ากบฟุ้งซ่านกำลังคิดเพลินๆอยู่นั้น พอดีหันมาเห็นแมลงวันบินมาใกล้ๆ จึงใช้ลิ้นตวัดเอาแมลงวันเข้าปากตัวเองกินโดยสัญชาตญาณ ..
ถึงตอนนี้ กบฟุ้งซ่าน จึงบรรลุธรรมฉับพลัน (Sudden knowledge)
คิดได้ว่า เฮ้อ เป็นตัวของเราเองนี่แหละ ดีที่สุดเลย ( The best to be yourself)
จงเชื่อมั่นในตัวเอง ( Be yourself)แหล่งข้อมูล: Forword Mail
ผู้สนับสนุน: เพียวคาร์เร้นท์ โรงแรมเพียวแมนชั่น เพียววิลล่า -
วิธีคิด วิธีทำงาน “ในวันนี้”
Posted on June 7th, 2009 No commentsในวันนี้ ฉันจะเป็นมิตรกับทุกคนที่ทำงานด้วยให้มากที่สุด จะปฎิบัติเสมือนหนึ่งว่า คนเหล่านั้นมีส่วนให้ฉันได้ทำงานที่นี่ต่อไป และขอขอบคุณที่มีพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงาน
ในวันนี้ ฉันจะไม่ทำตัวเป็นคนช่างตำหนิติเตียน จะพยายามมองเห็นข้อดีในทุกสถานการณ์ และหาข้อดีมาชมเชยทุกคนในที่ทำงานด้วย
ในวันนี้ ฉันจะไม่ยืนกรานว่า ทุกสิ่งฉันทำจะต้องสมบูรณ์เพียบพร้อม จะไม่พยายามทำลายสถิติความเร็วใดๆ จะทำงานทุกอย่างตรงหน้าเต็มกำลังความสามารถ แต่ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกบีบคั้นจนทุกข์ทรมาน
ในวันนี้ ฉันคิดว่าตนเองมีความสามารถพอที่จะทำงานในความรับผิดชอบ จะไม่มัวมาตั้งคำถามอย่างไม่จบสิ้นว่า มีตำแหน่งที่เหมาะสมและได้รับคุ้มค่าเหนื่อยแล้วหรือ
-
อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริง
Posted on June 7th, 2009 No commentsวันหนึ่งเมื่อยังเด็ก แอนดี้น้องชายของฉันนั่งอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่น ….
ในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้าม ขณะที่ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือหนังสือสะสมราคาแพงของพ่อ
แอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจากบนชั้นหนังสือ …..เมื่อพ่อเดินเข้ามาในห้อง แอนดี้ก็ก้มหน้างุด และทำท่ากระสับกระส่าย
เขารู้ตัวดีเชียวละว่ากำลังทำผิดแม้จากระยะไกลฉันก็เห็นรอยขีดเขียนเปรอะไปทั่วบนหน้าหนังสือของพ่อ
และตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อตาโตด้วยความหวาดหวั่น รอคอยที่จะถูกทำโทษ -
จะทำอะไร ทำให้เต็มที่
Posted on June 7th, 2009 No commentsทำงานให้เหมือนกับคุณไม่ต้องการเงิน
รักให้เหมือนกับคุณไม่มีวันจะเจ็บปวดกับมัน
และเต้นรำให้เหมือนกับไม่มีใครมองคุณอยู่แหล่งข้อมูล: Forword Mail
ผู้สนับสนุน: เพียวคาร์เร้นท์ โรงแรมเพียวแมนชั่น เพียววิลล่า -
บทเรียนแห่งชีวิต 5 – ให้เมื่อมันมีค่า
Posted on June 7th, 2009 No commentsบทเรียนสำคัญที่ห้า – ให้เมื่อมันมีค่า
หลายปีมาแล้ว เมื่อฉันไปทำงานเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ฉันได้รู้จักกับเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ ลิซ ซึ่งป่วยเป็นโรคร้ายที่มีน้อยคนที่จะเป็น โอกาสที่เธอจะหายจากโรคนี้ได้คือ ต้องทำการถ่ายเลือดจากน้องชายอายุห้าขวบของเธอ ผู้ซึ่งรอดจากโรคร้ายนี้ได้อย่างปาฏิหาริย์ จึงทำให้เขาร่างกายเขาสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายนี้ขึ้นมา
หมออธิบายสถานการณ์ให้น้องชายของเธอฟัง และถามเด็กชายว่าเขาต้องการจะให้เลือดของเขาแก่พี่สาวหรือไม่ ฉันเห็นเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า “ได้ครับ หากมันช่วยพี่สาวผมได้” เมื่อทำการถ่ายเลือด เขานอนยิ้มอยู่ที่เตียงข้างๆพี่สาว ในขณะที่เราเริ่มจะเห็นสีสันคืนสู้แก้ม ของเธอ หน้าของเด็กชายก็เริ่มซีดและรอยยิ้มก็จางหายไป ชายมองไปที่หมอและถามด้วยเสียงสั่นเครือ “ผมกำลังจะตายใช่ไหม?”
ด้วยความเป็นเด็ก เขาเข้าใจหมอผิดไป เด็กชายคิดว่าเขาต้องให้เลือดทั้งหมดของเขาให้แก่พี่สาวเพื่อช่วยชีวิตเธอ ซึ่งเขาก็ยังตัดสินใจที่จะถ่ายเลือด แม้จะทำให้เขาต้องตายก็ตาม
แหล่งข้อมูล: Forword Mail
ผู้สนับสนุน: เพียวคาร์เร้นท์ โรงแรมเพียวแมนชั่น เพียววิลล่า